รับซื้อแอร์เก่า บริการรับซื้อถึงที่

รื้อถอนให้ฟรี ให้ราคาดี รับซื้อทุกขนาดบีทียู

รับซื้อแอร์เก่าถึงบ้าน บริการด่วน

ให้ราคาสูง

ถ้าคุณกำลังมองหาวิธีจัดการแอร์เก่าที่ไม่ได้ใช้งานอยู่ใช่ไหม? แอร์เก่าที่เสียไม่ได้ใช้งาน สร้างความยุ่งยากและเกะกะพื้นที่ คุณไม่ต้องกังวลอีกต่อไป เพราะเรามีบริการ รับซื้อแอร์เก่าถึงบ้าน แบบบริการด่วน ให้ราคาสูง ลูกค้าโทรติดต่อสอบถามเข้ามาได้เลย


ทำไมควรเลือกเรา?


บริการถึงบ้าน สะดวกและรวดเร็ว

ไม่ต้องเสียเวลาเคลื่อนย้ายแอร์ไปที่ร้านเอง ทีมงานของเราจะไปถึงบ้านหรือสำนักงานคุณตามนัดหมาย คุณเพียงถ่ายรูปแอร์ คอยล์ร้อน คอยล์เย็น ขนาดแอร์ แล้วส่งมาเราพร้อมเสนอราคาให้คุณได้ทันที


ประเมินราคายุติธรรม ให้ราคาสูง

เราให้ราคาตามสภาพของแอร์ รับซื้อทุกยี่ห้อ แอร์มือสองสภาพใหม่ แอร์ขนาดใหญ่ หรือแอร์ที่ใช้งานมานาน ทีมงานมืออาชีพของเราจะประเมินมูลค่าอย่างเป็นธรรม ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าคุณจะได้รับราคาที่คุ้มค่าที่สุด


ร้านรับซื้อแอร์เก่าของเราบริการ รวดเร็ว ทันใจ ไม่ต้องรอนาน

หลังจากตกลงราคากันได้แล้ว ด้วยบริการด่วนของเรา คุณสามารถนัดหมายวันเวลามาได้เลย


ติดต่อเราได้ง่าย ๆ

เพียงโทรหรือติดต่อเราตามช่องทางอื่นๆ ถ้าสะดวกและง่ายสุดให้ติดต่อทาง Line จะดีที่สุดเพราะคุณสามารถ ส่งรูป และพูดคุยกันได้


หากคุณมีแอร์เก่าที่ไม่ใช้แล้ว ไม่ว่าจะสภาพแอร์จะเป็นอย่างไร การขายให้ร้านที่รับซื้อแอร์เก่าคือทางเลือกที่ดีที่สุด ทั้งสะดวก ปลอดภัย เพราะมีบริการรับซื้อถึงบ้านรื้อถอนให้ฟรี เปลี่ยนแอร์เก่าที่ใช้งานไม่ได้ให้เป็นเงินสด




วิธีดูขนาดแอร์ที่เรา

ใช้งานอยู่นั้นมีกี่ BTU

ดูจากสติกเกอร์หรือป้ายข้อมูลบนแอร์ (ง่ายที่สุด)

บนคอยล์เย็น (ตัวในบ้าน) หรือคอยล์ร้อน (ตัวนอกบ้าน) จะมีป้ายข้อมูล เช่น

1.Rated Capacity

2.Cooling Capacity

ถ้าป้ายเขียนคำว่า Cooling Capacity: 12000 BTU/hr

ถ้าป้ายเขียนคำว่า Cooling Capacity: 3.5 kW

ต้องแปลง 1 kW = 3,412 BTU

ดังนั้น 3.5 kW = 11,942 BTU (ประมาณ 12,000 BTU)

ถ้าป้ายเชียนคำว่า Cooling Capacity : 6.5 kW

ต้องแปลง 1 kW = 3,412 BTU

ดังนั้น 6.5 kW = 22,178 BTU (ประมาณ 22,000 BTU)

3.Output Capacity

4.BTU/H หรือ BTU/hr

ดูจาก รุ่น BTU ของแอร์ (Model Number)

ยี่ห้อแอร์ส่วนใหญ่ มักจะใส่ตัวเลข BTU ไว้ใน รหัสรุ่น เช่น

9 = 9,000 BTU

12 = 12,000 BTU

18 = 18,000 BTU

24 = 24,000 BTU

36 = 36,000 BTU

ดูจากสติกเกอร์คอลย์เย็น (ด้านในบ้าน) คอลย์ร้อน (ด้านนอกบ้าน)

R32-KH09 ตัวเลข 09 ---> 9,000 BTU

FTKC12TV2S ตัวเลข 12 ---> 12,000 BTU

MSY-GR18VF ตัวเลข 18 ---> 18,000 BTU

CU/CS-PU24YKT ตัวเลข 24 ---> 24,000 BTU


ข้อแนะนำ : ถ้าแอร์ของลูกค้าใช้มานานหลายปีแล้ว หรือ เป็นแอร์รุ่นเก่า สติกเกอร์อาจเลื่อนลางมองไม่เห็นแล้ว แนะนำลูกค้าถ่ายรูปตัวคอลย์ร้อน คอลย์เย็น แล้วส่งมาที่ร้านรับซื้อแอร์เก่า ตามช่องทางการติดต่อทาง Line หรือ Messenger





ลูกค้ามักถามว่ารับซื้อแอร์เก่าเอาไปทำอะไร

แอร์เก่าที่รับซื้อไปนั้นส่วนใหญ่แล้วจะถูกนำไป แยกชิ้นส่วน และ นำกลับมารีไซเคิล โดยกระบวนการคัดแยกทั่วๆไปมีดังต่อไปนี้

1.แยกทองแดงออกมา (ส่วนนี้มีค่าที่สุด)

แอร์เก่าจะมี ทองแดงเยอะที่สุดไม่ว่าจะเป็น

คอยล์ทองแดง คอยล์เย็น(ตัวที่อยู่ในบ้าน) คอยล์ร้อน (ตัวที่อยู่นอกบ้าน)

ท่อทองแดง

ขดลวดคอมเพรสเซอร์

ทองแดงเป็นโลหะที่มีราคาในตลาด ซึ่งร้านรับซื้อแอร์เก่าจะนำไปส่งโรงงานหลอมทองแดง เพื่อที่จะนำกลับมาใช้ใหม่

2.แยกชื้นส่วนคอมเพรสเซอร์ขายเป็นเศษเหล็ก ถ้าสภาพยังดีส่งไปขาย ต่อร้านอะไหล่แอร์มือสอง

3.รีไซเคิลอะไหล่นำไปขายต่อได้ เช่น

  • มอเตอร์
  • พัดลม
  • PCB (บอร์ดแอร์)
  • คาปาซิเตอร์
  • รีเลย์
  • รีโมท

ร้านรับซื้อแอร์เก่าจะนำไป ขายให้ร้านซ่อมแอร์ หรือร้านขายอะไหล่แอร์มือสอง





แอร์เก่ายี่ห้อไหนให้ราคาดีที่สุด?

รวมอันดับยี่ห้อ

ที่ร้านรับซื้อแอร์เก่านิยมรับซื้อ


สำหรับคนอยากจะขายแอร์เก่า หรือแอร์ที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว คำถามที่พบบ่อยที่สุดคือ แล้วแอร์ยี่ห้อไหนละ ขายออกไปแล้วได้ราคาดี? จริงๆแล้วร้านรับซื้อแอร์เก่าแต่ละร้านจะรับซื้อแอร์ในราคาที่ไม่เท่ากันจะมีเกณฑ์รับซื้อไม่เหมือนกัน แต่โดยรวมแล้ว ร้านรับซื้อแอร์จะให้ความสำคัญกับ สภาพแอร์ ยี่ห้อ อายุการใช้งานซึ่งมีผลต่อราคาที่รับซื้ออย่างมาก

1.Mitsubishi Electric ราคาดีที่สุดในตลาด

ขึ้นชื่อเรื่องความทนทาน ใช้งานได้ยาวนาน อะไหล่มีคุณภาพสูง ทำให้ร้านรับซื้อแอร์เก่า ให้ราคาดีกว่ายี่ห้ออื่นๆ ราคาจะสูงกว่าโดอยทั่วไปประมาณ 10-20%

2.Daikin ความนิยมสูง อะไหล่มีราคา

เป็นอีกแบรนด์ที่ได้รับความนิยมมากในบ้านและสำนักงานร้านรับซื้อให้ราคาดีเพราะอะไหล่สามารถนำไปขายต่อหรือซ่อมต่อได้ง่ายราคาดีใกล้เคียงMitsubishi

3.Panasonic มาตรฐานดี ขายต่อได้ง่าย มีความทนทานปานกลาง

4.Samsung ราคาเฉลี่ยระดับกลาง

จะได้ราคาน้อยกว่าเพราะต้นทุนอะไหล่และความทนทานไม่สูงเท่ายี่ห้อชั้นนำ

5.LG ราคาปานกลาง-ต่ำ ขึ้นอยู่กับรุ่น

บางรุ่นทนทานและอะไหล่ยังมีราคา แต่โดยรวมร้านรับซื้อให้ราคาไม่สูงมาก ราคาขึ้นกับสภาพเป็นหลัก

6.Carrier (บางรุ่นราคาดี แต่ราคาไม่สม่ำเสมอ)

สรุป : ราคาแอร์เก่าแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อส่วนใหญ่แล้ว ร้านรับซื้อแอร์เก่าจะใช้เกณฑ์การรับซื้อไม่เหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะดูว่า แอร์สภาพเป็นอย่างไร ยี่ห้ออะไร อายุการใช้งาน เป็นหลัก




เปิดแอร์แล้วๆไม่เย็น มีแต่ลมเปาออกมา ควรทำอย่างๆไร ?

ถ้า เปิดแอร์แล้วไม่เย็น มีแต่ลมเป่าออกมา คุณสามารถตรวจเช็กตามขั้นตอนต่อไปนี้ก่อนเรียกช่างได้ครับ


แอร์เปิดแล้วไม่เย็นควรทำอย่างไร


1.ตรวจสอบว่าแอร์ที่เปิดอยู่ตั้งโหมดถูกต้องหรือไม่

  • ดูที่รีโมทแอร์ตั้งอยู่โหมดเย็น (Cool) หากตั้งอยู่ที่ Fan / Dry จะมีแต่ลมเป่า ไม่เย็น ให้กดไปที่โหมด (Cool)

2.ตรวจสอบอุณหภูมิที่ตั้งไว้

  • ควรตั้งอุณหภูมิที่ 25°C

3.ฟิลเตอร์แอร์อุดตัน

  • เเปิดหน้ากากแอร์ออกมา ถอดแผ่นกรองอากาศออกมาทำความสะอาด ควรล้างทุก 6 เดือน

4.เช็กว่าคอยล์ร้อน ทำงานหรือไม่

  • ถ้าไม่ทำงาน คอมเพรสเซอร์อาจจะเสีย ควรเรียกช่างมาซ่อม

5.ระดับน้ำยาแอร์ต่ำ น้ำยารั่ว

6.คอยล์เย็นเป็นน้ำแข็ง

  • ฟิลเตอร์มีเศษฝุ่นไปอุดตัน
  • พัดลมคอยล์เย็นไม่หมุน
  • น้ำยาแอร์รั่ว น้ำยาแอร์หมด
  • ถ้าน้ำแข็งเกาะ ควรเรียกช่างมาซ่อม

7.อายุการใช้งานมากกว่า > 10 ปี

  • กว่าจะเย็นใช้วเวลาเกินครึ่งชั่วโมง
  • แอร์เก่ากินไฟ
  • แอร์เสียงดัง

สรุป : การที่นำแอร์เก่าไปซ่อมอาจจะไม่คุ้มกับค่าใช้จ่ายที่เสียไปถ้าแอร์เก่ามีอายุการใช้งานนานแล้ว(10 ปีขึ้นไป ) แนะนำเรียกใช้บริการรับซื้อแอร์เก่า จะเป็นการดีที่สุด เพราะถ้าซ่อมอาการเดิมๆ อาจจะกลับมาอีกทำให้เสียค่าซ่อมไม่รู้จบ



บทความความรู้ทั่วไป

เช็คสภาพแอร์ก่อนนำไปขาย

เช็คสภาพแอร์ก่อนนำไปขาย

เช็กสภาพแอร์ก่อนขายอย่างไรให้ได้ราคาดีที่สุด

ยี่ห้อแอร์ที่ขายดีที่สุด

รวมยี่ห้อแอร์ที่ให้ราคาดีที่สุด

เอาไปขายแอร์เก่า

เมื่อคุณตัดสินใจจะขายแอ

แอร์เก่าขายหรือซ่อมดี

แอร์เก่าควรขายหรือซ่อมดี?

วิเคราะห์ข้อดีข้อเสียก่อนตัดสินใจ

This website uses cookies for best user experience, to find out more you can go to our Privacy Policy and Cookies Policy
Compare product
0/4
Remove all
Compare
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy